Prevention of Anthracycline associated cadiotoxicity by RASS blocker in Breast cancer

     ยาเคมีบำบัดทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อหลายอวัยวะและเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้วจะมีผลต่อเซลล์ที่แบ่งตัวเร็ว และอาจจะฟื้นตัวได้เองโดยจะพบความเป็นพิษระยะยาวได้ไม่มาก เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เป็นเซลล์ที่มีความสามารถในการเพิ่มจำนวนอย่างจำกัด ซึ่งอาจเป็นผลทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการได้รับยามะเร็งบางชนิดอย่างถาวร โดยผลที่เกิดยาเคมีบำบัดนั้นอาจจะคาดการณ์ได้หรือไม่สามารถคาดการณ์ได้ ขึ้นกับปริมาณยาสะสม หรือการเสริมฤทธิ์หรืออันตรกิริยาจากการได้รับยาเคมีบำบัดมากกว่าหนึ่งชนิด และจากปัจจัยอื่นที่มีผลต่อการเกิดพิษต่อหัวใจ[1]
    จากรายงานการศึกษาในเด็กและวัยรุ่นที่เป็นมะเร็งจำนวน 20,483 ราย พบว่าอัตราการเสียชีวิตจากการดำเนินของโรคมะเร็งและโรคมะเร็งที่กลับมาเป็นซ้ำนั้นมีแนวโน้มที่ลดลง แต่พบว่ามีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งชนิดอื่น และโรคหัวใจและหลอดเลือดกำลังเพิ่มมากขึ้น[2]
    จากรายงานการศึกษาในเด็กที่เป็นมะเร็ง 4,122 ราย พบว่ามีผู้ป่วยที่เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 603 ราย โดยมาจากสาเหตุจากโรคหัวใจและหลอดเลือด จำนวน 32 ราย และการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับปริมาณยากลุ่ม Anthracycline สะสมมากกว่า 360 มิลลิกรัมต่อตารางเมตร[3]
    ในการรักษามะเร็งเต้านมในผู้ป่วยที่มี HER2-positive จะมีการใช้ยา Trastuzumab ร่วมด้วยจะพบว่าการเกิดภาวะพิษต่อหัวใจนั้นจะเพิ่มขึ้น โดยอุบัติการณ์การเกิดภาวะพิษต่อหัวใจ 7% เมื่อใช้ Trastuzumab และเพิ่มเป็น 27% เมื่อมีการใช้ Trastuzumab ร่วมกับ Anthracycline [4]
    ดังนั้นในปัจจุบันการเลือกใช้ยาที่มีผลในการป้องกันภาวะพิษต่อหัวใจจึงมีความสำคัญมาก ดังนั้นจึงเลือกศึกษาความรู้ในการป้องกันโรคระดับทุติยภูมิโดยการใช้ยากลุ่ม RAAS blocker ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่ม Anthracycline เพื่อป้องกันภาวะพิษต่อหัวใจ ทั้งด้านประสิทธิภาพ และกลุ่มผู้ป่วยที่มีข้อบ่งใช้ของยากลุ่มดังกล่าวเพื่อผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยยากลุ่ม Anthracycline จะได้มีความปลอดภัยในการใช้ยาที่ดีขึ้น  

DOWNLOAD FULL PDF